อยากได้งานดี บรีฟต้องดี บรีฟดีคือบรีฟที่คอนเซปชัดเจน และไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เมื่อตัดสินใจจะจ้างนักออกแบบ ให้ออกแบบสิ่งใดๆ ให้ ไม่ว่าจะเป็นออกแบบโลโก้ สติ๊กเกอร์ ลาเบล หรือกล่องสินค้า เพื่อให้งานออกมาสวยตรงใจ สื่อสารได้ดี ก็ต้องมีการอธิบายงานหรือสื่อสารออกมาให้นักออกแบบเข้าใจ เห็นภาพเดียวกัน สิ่งนี้เรียกว่า บรีฟ
credit image : flock-associates.com
ปัญหาคลาสสิค ในการบรีฟงานกับนักออกแบบ ที่คิดว่าก็บรีฟดีแล้ว บอกละเอียดมาก แทบจะวาดให้ทุกอย่าง นักออกแบบแค่ไปทำในโปรแกรมที่ลูกค้าทำไม่เป็นมาส่งแค่นั้นเอง ไม่เห็นออกไอเดียใหม่อะไรมาให้เลย นักออกแบบอาจจะถึงคราวเหวอเล็กๆ ว่า อ้าว!! ก็บอกมาว่าให้ทำแบบนี้นี่นา พอทำให้ก็โดนบ่นแล้วก็พาลไม่อยากคิดงานให้ ก็แค่แก้งานตามสั่งให้จบๆ ส่งงาน แล้วแยกย้ายกันด้วยใจขุ่นมัวทั้งสองฝ่าย
จริงๆ แล้ว ลูกค้าต้องการนักออกแบบ ไม่ใช่พนักงานกราฟิกที่วางอาร์ตตามสั่ง ในการจ้างออกแบบนั้น หากคิดว่า เราเป็นพาร์ทเนอร์กัน ช่วยกันทำงาน เพื่อให้ผลงานออกมาดี ซึ่งผลดีที่เกิดขึ้นจากผลงานที่ออกมาดี ยิ่งมีประโยชน์ต่อลูกค้ามากกว่านักออกแบบหลายเท่านัก
เรามีคำแนะนำในการบรีฟงานมาฝากกัน
1. เริ่มแรกเลย คุณต้อง เล่าเรื่องราวธุรกิจของคุณ ที่มา ความเป็นมาเป็นไป อนาคตที่คิดวาดฝันไว้ใหญ่ขนาดไหน หรือวัตถุประสงค์ของงาน เช่น ต้องการให้ออกแบบซองใส่ครีม พร้อมกล่องสินค้า จะเอาไปออกบูทที่ต่างประเทศวันที่ xxxx เป็นต้น จะทำให้นักออกแบบมองเห็นภาพรวมและเข้าใจถึงสินค้าหรือบริการที่คุณทำ คุยให้เหมือนคุยกับเพื่อน คุยให้เราเข้าใจคุณให้มากที่สุด
2. กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่ไม่ใช่กลุ่มคนทุกเพศทุกวัย สิ่งระบุบุคลิกลักษณะของกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการได้มากเท่าไหร่ งานที่ออกแบบมาก็ยิ่งตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ขายเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง (วัยทำงาน วัยรุ่น ใส่ลำลอง หรือใส่ทำงาน หรือไปงานเลี้ยง) เป็นต้น
3. Mood and Tone และสไตล์งาน ลูกค้าอาจจะคิดว่าสิ่งนี้ นักออกแบบควรเป็นคนกำหนดมาให้ แต่จริงๆ สิ่งนี้จะเชื่อมโยงกับกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ลูกค้าควรคิดถึงหน้าตาของกลุ่มลูกค้าของคุณจริงๆ เช่น
อยากเปิดร้านนม เพราะอยู่ใกล้อาชีวศึกษา อยากได้โลโก้ที่ดูเรียบๆ เท่ๆ จัดร้านสไตล์ลอฟท์ ปรากฎว่าลูกค้าไม่เข้าร้าน เพราะดูแพง เด็กอาชีวจึงไม่กล้าเข้ามาใช้บริการ เป็นต้น สิ่งที่ควรคิดคือ ถ้าต้องการเปิดร้านนมให้เด็กอาชีวะ เข้ามาใช้บริการ บรรยากาศร้านควรจะเข้าถึงง่าย ดูสนุกสนาน วัยรุ่น และดูราคาไม่แพงมากนัก หากบรรยากาศร้านเงียบๆ เหมาะกับคนวัยทำงานมานั่งคุยธุรกิจกัน เด็กอาชีวะไม่กล้าเข้าร้านแน่ๆ ค่ะ
4. ตัวอย่างงานที่ชอบ หรือ Reference เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการสื่อสาร เพราะความเข้าใจหรือการรู้จักคำศัพท์ที่ใช้เรียกอาจจะไม่เหมือนกัน หรืออาจจะนึกไม่ออกว่างานสไตล์ที่ชอบนั้น เรียกว่าอะไร ก็สามารถใช้วิธีส่งเป็นรูปมาหลายๆ รูป นักออกแบบจะดูจากรูปที่ส่งมาแล้วพอจะคาดเดาได้ว่า งานควรจะออกมาประมาณไหนได้เอง
ลูกค้าอาจจะเข้าใจนิยามสไตล์งานไม่เหมือนกับนักออกแบบ ทำให้สิ่งที่ต้องการ ห่างกันไปไกล หรือคำนิยามบางอย่างก็กว้างมาก เช่น คลาสสิค วินเทจ แอนทีค ฮิปสเตอร์ เท่ เรียบหรู และยังมีคำเรียกอีกมากมาย นอกจากบอกสไตล์งานที่ชอบแล้ว ส่งรูปอ้างอิงมาด้วย จะช่วยได้มากทีเดียวค่ะ
เราคงไม่อยากให้งานออกมาผิดพลาดไปไกลขนาดนี้แน่นอน ^^
ดูรายละเอียดงานออกแบบและผลงานของเราคลิกที่นี่