8 ข้อควรรู้ก่อนว่าจ้างออกแบบโลโก้
สิ่งที่หลายๆ คนอาจจะกังวลในการจ้างออกแบบ คือ กลัวว่าออกแบบมาแล้วไม่ถูกใจ ไม่ตรงตามความต้องการ ดังนั้น เรามาเตรียมตัว เตรียมข้อมูลก่อนดีกว่าว่าจะสื่อสารอย่างไรให้นักออกแบบเข้าใจในสิ่งที่เราคิดหรือวาดภาพไว้ในหัว
1. ชื่อแบรนด์ หรือชื่อธุรกิจ หากชื่อที่ตั้งมีสตอรี่ความเป็นมา เล่าให้นักออกแบบฟังไปด้วยค่ะ เพราะโลโก้เป็นตัวแทน เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นแบรนด์ที่คุณจะสร้าง การทำให้นักออกแบบเข้าใจและเห็นภาพเดียวกับคุณได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี
ระบุให้ชัดเจนว่าต้องการใช้ชื่อแบรนด์เป็นภาษาอะไร ไทยหรืออังกฤษ สะกดให้ชัดเจน (บางครั้งผู้ตั้งชื่อ อาจตั้งใจเปลี่ยนตัวอักษรบางตัวเป็นลูกเล่น)
หากใครที่ยังไม่มีไอเดียเลยในการตั้งชื่อแบรนด์ ลองเสิร์จหาข้อมูลในกูเกิลดูได้ค่ะ "หลักการตั้งชื่อแบรนด์" สรุปสั้นๆ ง่ายๆ ว่า ควรเป็นชื่อที่จำง่าย ไม่ยาวเกินไป สื่อสาร ไม่ซ้ำหรือใกล้เคียงกับคู่แข่ง หรือถ้ามีสโลแกน คำต่อท้ายเพิ่มดีกรีให้กับชื่อ เช่น เฉาก๊วยสูตรโบราณ, น้ำพริก สูตรคุณยาย, since xxxx เป็นต้น
2. การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ยิ่งกำหนดได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ยิ่งดี ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ เช่น เราต้องการขายสินค้าให้กับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่กลับใช้โลโก้เป็นฟอนท์ลายมือเด็กเขียน ขยุกขยิกกับสีรุ้งสดใส อาจจะกลายเป็นทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูไม่น่าเชื่อถือได้นั่นเอง หรือในกรณีที่เราต้องการเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น ผลิตภัณฑ์เดิมเป็นน้ำพริก หรือยาดมยาหม่อง ต้องการให้กลุ่มวัยรุ่นใช้ ไม่เคอะเขิน ก็ควรดีไซน์โลโก้ให้ดุทันสมัยขึ้นนั่นเอง
3. ฮวงจุ้ยในโลโก้ หากถือสาหรือมีความเชื่อในเรื่องนี้ ให้แจ้งข้อมูลกับนักออกแบบไปเลยค่ะ ขอโลโก้สีนี้ หรือ ไม่ให้ใช้สีไหนบ้าง สัญลักษณ์อะไร ลายเส้นแบบไหน
4. การใช้คำจำกัดความในการเรียกสไตล์งานออกแบบ อาทิเช่น ชอบงานแนววินเทจ เรียบหรู น่ารัก โมเดิร์น ฮิปสเตอร์ คลาสสิค เป็นต้น แต่ทั้งนี้ นิยามคำว่าวินเทจของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ดังภาพนี้ (ขอบคุณภาพประกอบจาก เพจ ปรัชญากราฟิก นะคะ) ดูขำๆ แต่หากเกิดขึ้นจริงคงขำไม่ออก
ดังนั้น การหารูปภาพอ้างอิงสไตล์งานที่ตัวเองชอบ หรือต้องการ ว่าวินเทจแบบนี้ หรือถ้าในปัจจุบันนี้ก็อาจจะส่ง ภาพถ่ายสินค้า IG facebook เวบไซต์ ก็ช่วยให้นักออกแบบพอจะเข้าใจถึงรสนิยม และสไตล์โลโก้ที่เหมาะสมกับแบรนด์ของท่านได้
5. หากสามารถวาดภาพร่างคร่าวๆ มาแล้วนำมาให้นักออกแบบทำเป็นไฟล์งานที่สวยงามก็ได้เช่นกัน
6. ศึกษาผลงานของนักออกแบบที่เราจะว่าจ้าง สไตล์ผลงานการออกแบบ เหมาะกับงานที่เราต้องการหรือไม่ เงื่อนไขการออกแบบและราคาเป็นอย่างไร
7. ระวังเรื่องลิขสิทธิ์ ควรตรวจสอบทั้งชื่อและตราสัญลักษณ์ที่ออกแบบมาว่าซ้ำหรือใกล้เคียงกับแบรนด์อื่นที่มีการจดลิขสิทธิ์หรือไม่ อย่างกรณี สตาร์บัง ถ้าเกิดขึ้นกับเราคงไม่สนุกแน่
8. วิธีการเลือกโลโก้ เมื่อได้แบบดีไซน์จากนักออกแบบแล้ว นอกจากความสวยงาม และการสื่อสารตามคอนเซปที่ตกลงกันแล้ว สิ่งที่เราควรคำนึงถึง คือ การนำไปใช้งาน ลองจินตนาการว่า โลโก้นี้ ถ้าอยู่บนบรรจุภัณฑ์ แผ่นพับ ใบปลิว ไวนิล ป้ายร้าน นามบัตร จะเป็นอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ ถ้าต้องย่อขนาดเล็กมากๆ จะยังคงดูรู้เรื่องอยู่หรือเปล่า ถ้าทำเป็นสีเดียวสำหรับทำตรายาง ตราปั๊ม หรืองานสกรีน จะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ ฝากไว้ว่า การออกแบบเป็นเรื่องของการตัดออก มากกว่าการเพิ่มเข้าไป เพราะโลโก้ที่เรียบง่ายแต่ดูดี จะเป็นที่จดจำได้มากกว่านั่นเอง ^^
บทความเพิ่มเติม